เปรียบเทียบชัดๆ ไม้ HMR กับ ไม้สักผสมไม้อัดสัก ข้อดี-ข้อเสียคืออะไร?

1. ไม้ HMR (High Moisture Resistance Board)

คือ แผ่นใยไม้อัดความหนาแน่นปานกลาง (MDF) ที่ผสมสารทนความชื้นเข้าไป มักเห็นเป็น "แผ่นสีเขียว"

• จุดเด่น:

  • ผิวเรียบเนียน: เหมาะมากสำหรับงาน "พ่นสี" หรือติดลามิเนต พื้นผิวจะกริบและสม่ำเสมอทั่วทั้งแผ่น

  • ทนชื้น: ทนกว่า MDF ทั่วไป ไม่พองง่ายเมื่อเจอความชื้นในอากาศ (แต่แช่น้ำไม่ได้)

  • ราคาประหยัด: ต้นทุนต่ำกว่าไม้สักผสมไม้อัดสักค่อนข้างมาก

  • ทำงานง่าย: ตัด แต่ง เซาะร่องได้คม ไม่เป็นเสี้ยน

• ข้อสังเกต:

  • ความแข็งแรง: รับน้ำหนักได้ดีในระดับหนึ่ง แต่หากทำชั้นวางยาวๆ อาจเกิดการแอ่นตัวได้มากกว่าไม้โครง

  • อายุการใช้งาน: สั้นกว่าไม้สัก (เฉลี่ย 5-10 ปี ตามการรักษา) หากโดนน้ำสะสมจะบวมและซ่อมแซมยาก

2. ไม้สักผสมไม้อัดสัก

คือ การใช้ "ไม้สักแท้" ทำเป็นโครงสร้างหลัก (เสา, ขอบ, กรอบประตู) แล้วใช้ "ไม้อัดสัก" (ไม้อัดปิดผิวด้วยวีเนียร์ไม้สักแท้) ปิดทับในส่วนที่เป็นแผ่นกว้างๆ

• จุดเด่น:

  • ความทนทาน: แข็งแรงมากเพราะมีโครงเป็นไม้จริง รับน้ำหนักได้ดี ไม่ค่อยแอ่น

  • ความสวยงาม: ได้ลายไม้สักแท้ที่มีเสน่ห์ ให้ความรู้สึกหรูหราและอบอุ่น

  • ทนปลวก: ไม้สักมีสารธรรมชาติที่ปลวกไม่ชอบ (หากเป็นไม้สักแก่)

  • มูลค่า: เฟอร์นิเจอร์ไม้สักยิ่งนานยิ่งมีราคา และสามารถขัดทำสีใหม่ได้หลายครั้ง

• ข้อสังเกต:

  • ราคาสูง: ต้นทุนวัสดุและค่าแรงช่างไม้สูงกว่างาน HMR

  • ความชื้น: ตัวไม้อัดสักถ้าโดนน้ำบ่อยๆ ผิววีเนียร์อาจหลุดร่อนหรือบวมได้เหมือนกัน แต่โครงไม้สักจะยังคงทนอยู่

ตารางสรุปเปรียบเทียบ

สรุปเลือกอันไหนดี?

• เลือก HMR: ถ้าคุณชอบงานดีไซน์สมัยใหม่ เน้นทำสีพ่น (เช่น สีขาว, เทา) งบประมาณจำกัด หรือเป็นงานบิ้วอินคอนโดที่เน้นความคุ้มค่าในระยะสั้น-กลาง

• เลือก ไม้สักผสมไม้อัดสัก: ถ้าคุณ ชอบลายไม้ธรรมชาติ ต้องการเฟอร์นิเจอร์ที่แข็งแรง ทนทานเป็นสิบปี และมีงบประมาณเพียงพอสำหรับการลงทุนครั้งเดียวจบ